วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2561

วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร


เสาร์อาทิตย์ที่ 8 – 9 กันยายนที่ผ่านมา สื่อมวลชนท้องถิ่นของจังหวัดสกลนคร ประกอบไปด้วย สื่อทีวี สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อวิทยุ และสื่อโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ร่วม 40 คน ได้มีโอกาศเดินทางไปศึกษาดูงานในกลุ่มจังหวัดสนุกซึ่งมีจังหวัด สกลนคร มุกดาหารและนครพนม ตามโครงการสื่อมวลชนสัญจรเพื่อศึกษาแอ่งสกล ศึกษา 3 ธรรม คือ ธรรมะ ธรรมชาติ และศิลปวัฒนธรรม โดย สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสกลนคร เป็นแม่งาน นายชนม์บันลือ วรรธนพันธ์ ท่องเที่ยงและกีฬาจังหวัดสกลนคร นำทีมพร้อมคณะจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนคร
ทั้งนี้ โครงการนี้เกิดขึ้นได้โดยการดำริของ นายวิทยา จันทร์ฉลอง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร อยากให้สื่อมวลชนของจังหวัดสกลนครของเราได้มีโอกาศไปสัมผัส สิ่งที่เรียกว่า 3 ธรรม จากกลุ่มจังหวัดสนุก และนำไปเผยแพร่ในฐานะสื่อมวลชนต่อสาธารณะชน
ก่อนหน้านี้ 2 – 3 วัน คณะสื่อของสกลนครต่างได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ของสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนคร แจ้งความประสงค์ว่าใครจะไปกับทัวร์สัญจรครั้งนี้บ้าง แล้วรวบรวมจำนวนรายชื่อพร้อมสำนักบัตรประชาชนให้ด้วยเพื่อนำส่งสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสกลนคร
ทีแรกก็แปลกใจว่า จะเอาสำเนาบัตรประชาชนไปทำอะไร...ภายหลังจึงทราบว่าจะเอาไปทำประกันภัยอุบัติเหตุหมู่ ทุกคนเข้าใจ...
หลังจากนั้นจึงนัดหมายว่าให้ไปขึ้นรถที่หน้าศาลากลางหลังใหม่ในเวลา 07.00 น.ของเช้าวันเสาร์ แต่เมื่อไปถึงสอบถามกันในขณะนั้นก็ยังไม่มีรถทัวร์ที่จะพาไป ส่วนใหญ่ทุกคนจึงขึ้นไปสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัด เพื่อรอรถ นั่งรอกันสักพักจนเวลาเลยกำหนด ก็ยังไม่มีรถมาจอดหน้าศาลากลาง แต่อย่างไร
สักครู่ใหญ่ จึงมีเจ้าหน้าที่จากท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสกลนครเดินมาบอกให้คณะไปขึ้นรถที่หน้าที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร(หลังเก่า) หลายคนสงสัยว่าทำไมล่ะถึงไม่มารับที่หมาย ก็ได้คำตอบรว่าวทรถทัวร์เข้าบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดไม่ได้เพราะสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์(โทรศัพท์ที่ใช้สายเดินตามอาคารสถานที่ เมื่อไหร่ระบบโทรศัพท์โบราณมันจะหายไปเสียที) อยู่ในระดับต่ำจนรถวิ่งเข้าไม่ได้
จากนั้น แต่ละคนก็สะพานเป้ หิ้วกระเป๋า ตามเจ้าหน้าที่ไป
เมื่อมาถึงทุกคนก็ยังมองหารถทัวร์อยู่ไม่เจอ เจอสื่อมวลชนหลายท่านกำลังยืนดื่มกาแฟกับขนมปังอยู่ริมถนนสอบถามถึงรู้ว่าเป็นเบรคอาหารว่างขอคณของคณะทัวร์ เสียดายอยู่นิดหนึ่งไม่บอกล่วงหน้าว่ามีอาหารว่างไว้บริการ ผู้เขียนกลัวไม่มีอะไรรองท้องจึงเแวะร้านสะดวกซื้อมาก่อนแล้ว
สักครู่ใหญ่ รถทัวร์วิ่งเข้ามาจอด คณะพวกเราจึงขึ้นหาที่นั่งตามอัธยาศัย เมื่อตรวจสอบครบตามจำนวนรายชื่อหรือมีบางคนถอนตัวรถก็เริ่มเคลื่อนออก
ตามกำหนดเป้าหมายแรกคือคือ ไปกราบ พระธาตุเชิงชุม ที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ในเขตเทศบาลนครสกลนคร ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร สถานที่เป็นแหล่งธรรมะแห่งแรก รถทัวร์แทนที่จะวิ่งไปในตัวเมืองกลับใช้ถนนเลียบเมือง ขณะรถวิ่ง เสียงไมค์ก็เริ่มดังขึ้น พิธีกร(หนุ่มกว่าลุงแอ๊ด)ดูหน้าตา แนะนำตัวทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรของ สภ.เมืองสกลนคร มีโอกาสมาด้วยเนื่องจากสื่อบางท่านถอนตัว(จริงๆมากะคนข้างเคียงที่เป็นสื่อนั่นแหละ... 555..) อ่านรายชื่อเพื่อตรวจคณะสื่อมวลชนและให้แนะนำตัวว่าเป็นใครมาจากสำนักไหน
พอรถผ่านมาถึงถนนสายหนึ่งในเขตตัวเมืองสกลนคร เป็นชื่อแปลกที่แตกต่างจากสายอื่นๆ เพราะมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ชื่อ ถนน ITU ก็เลยมีการสอบถามถึงความเป็นมาของถนนสายนี้ทำไมถึงมีชื่อแบบนี้ เลยได้คำตอบจากหลายๆท่านว่า ถนนเส้นนี้ปลายทางคือที่ตั้งของแคมป์ หรือ GI ที่พวกเรามักเรียนทหารอเมริกันมาอยู่เมืองไทย
พอพูดถึงเรื่องชื่อถนนในตัวเมืองสกลนคร มักจะมีชื่อไพเราะคล้องจองกัน เช่น มรรคาลัย ใจผาสุก สุขเกษม เปรมปรีดา รัฐพัฒนา เจริญเมือง เรืองสวัสดิ์ ฯ หาท่านผู้ใดอยากรู้มากกว่านี้ก็ไปศึกษาเอาเองก้อแล้วกัน...
รถทัวร์พาคณะอ้อมสู่ถนนริมหนองหาร ผ่านสระพังทอง วกเข้าสู่ประตูวัดด้านหลัง(ความจริงตามประเพณีโบราณประตูวัดมักจะอยู่ทางด้านทิศตะวันออก จริงๆแล้วประตูวัดที่เรามักเรียกว่าด้านหลังของวัดพระธาตุเชิงชุม ก็คือประตูหน้าในสมัยก่อนนั่นเอง) สื่อมวลชนยุคนี้ เมืองสกลนครเจริญขึ้นมา โดยเฉพาะทางด้านหน้าในปัจจุบัน คนที่เข้าไปสู่วัดจึงใช้ประตูที่เราเรียกกันว่าด้านหน้าในปัจจุบันมากกว่า

สำหรับวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร นอกจากเป็นวัดพระอารมหลวงแล้ว มีพระธาตุเชิงชุม พระธาตุองค์สำคัญยิ่งของชาวพุทธแล้ว ภายในวิหารยังเป็นที่ประดิษฐ์ของ หลวงพ่อพระองค์แสน พระพุทธรูปท เป็นที่นับถือของชาวสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง และที่บริเวณเดียวมีโบสถ์โบราณที่กรมศิลปขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานมรดกสำคัญไว้ และยังมีอุโบสถหลังใหม่ที่สวยงามมีลักษณะคล้ายกับอุโบสถวัดเบญจมบมิตร กรุงเทพมหานคร สวยงามเป็นอย่างยิ่ง
คณะใช้เวลาซึมซับกับแหล่งธรรมะพอสมควร เข้ากราบสักการะพระธาตุ กราบพระสงฆ์รดน้ำมนต์ผู้แขนและบูชาวัตถุมงคลประมาณ 1 ชั่วโมง จึงพากันขึ้นรถทัวร์เพื่อเดินทางต่อไป...

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น