เสาร์อาทิตย์ที่ 8 – 9 กันยายนที่ผ่านมา สื่อมวลชนท้องถิ่นของจังหวั ดสกลนคร ประกอบไปด้วย สื่อทีวี สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อวิทยุ และสื่อโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ร่วม 40 คน ได้มีโอกาศเดินทางไปศึกษาดู งานในกลุ่มจังหวัดสนุกซึ่งม ีจังหวัด สกลนคร มุกดาหารและนครพนม ตามโครงการสื่อมวลชนสัญจรเพ ื่อศึกษาแอ่งสกล ศึกษา 3 ธรรม คือ ธรรมะ ธรรมชาติ และศิลปวัฒนธรรม โดย สำนักงานการท่องเที่ยวและกี ฬาจังหวัดสกลนคร เป็นแม่งาน นายชนม์บันลือ วรรธนพันธ์ ท่องเที่ยงและกีฬาจังหวัดสก ลนคร นำทีมพร้อมคณะจากสำนักงานปร ะชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนคร
ทั้งนี้ โครงการนี้เกิดขึ้นได้โดยกา รดำริของ นายวิทยา จันทร์ฉลอง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร อยากให้สื่อมวลชนของจังหวัด สกลนครของเราได้มีโอกาศไปสั มผัส สิ่งที่เรียกว่า 3 ธรรม จากกลุ่มจังหวัดสนุก และนำไปเผยแพร่ในฐานะสื่อมว ลชนต่อสาธารณะชน
ก่อนหน้านี้ 2 – 3 วัน คณะสื่อของสกลนครต่างได้รับ การประสานจากเจ้าหน้าที่ของ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหว ัดสกลนคร แจ้งความประสงค์ว่าใครจะไปก ับทัวร์สัญจรครั้งนี้บ้าง แล้วรวบรวมจำนวนรายชื่อพร้อ มสำนักบัตรประชาชนให้ด้วยเพ ื่อนำส่งสำนักงานท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัดสกลนคร
ทีแรกก็แปลกใจว่า จะเอาสำเนาบัตรประชาชนไปทำอ ะไร...ภายหลังจึงทราบว่าจะเ อาไปทำประกันภัยอุบัติเหตุห มู่ ทุกคนเข้าใจ...
หลังจากนั้นจึงนัดหมายว่าให ้ไปขึ้นรถที่หน้าศาลากลางหล ังใหม่ในเวลา 07.00 น.ของเช้าวันเสาร์ แต่เมื่อไปถึงสอบถามกันในขณ ะนั้นก็ยังไม่มีรถทัวร์ที่จ ะพาไป ส่วนใหญ่ทุกคนจึงขึ้นไปสำนั กงานประชาสัมพันธ์จังหวัด เพื่อรอรถ นั่งรอกันสักพักจนเวลาเลยกำ หนด ก็ยังไม่มีรถมาจอดหน้าศาลาก ลาง แต่อย่างไร
สักครู่ใหญ่ จึงมีเจ้าหน้าที่จากท่องเที ่ยวและกีฬาจังหวัดสกลนครเดิ นมาบอกให้คณะไปขึ้นรถที่หน้ าที่สำนักงานองค์การบริหารส ่วนจังหวัดสกลนคร(หลังเก่า) หลายคนสงสัยว่าทำไมล่ะถึงไม ่มารับที่หมาย ก็ได้คำตอบรว่าวทรถทัวร์เข้ าบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด ไม่ได้เพราะสายไฟฟ้าและสายโ ทรศัพท์(โทรศัพท์ที่ใช้สายเ ดินตามอาคารสถานที่ เมื่อไหร่ระบบโทรศัพท์โบราณ มันจะหายไปเสียที) อยู่ในระดับต่ำจนรถวิ่งเข้า ไม่ได้
จากนั้น แต่ละคนก็สะพานเป้ หิ้วกระเป๋า ตามเจ้าหน้าที่ไป
เมื่อมาถึงทุกคนก็ยังมองหาร ถทัวร์อยู่ไม่เจอ เจอสื่อมวลชนหลายท่านกำลังย ืนดื่มกาแฟกับขนมปังอยู่ริม ถนนสอบถามถึงรู้ว่าเป็นเบรค อาหารว่างขอคณของคณะทัวร์ เสียดายอยู่นิดหนึ่งไม่บอกล ่วงหน้าว่ามีอาหารว่างไว้บร ิการ ผู้เขียนกลัวไม่มีอะไรรองท้ องจึงเแวะร้านสะดวกซื้อมาก่ อนแล้ว
สักครู่ใหญ่ รถทัวร์วิ่งเข้ามาจอด คณะพวกเราจึงขึ้นหาที่นั่งต ามอัธยาศัย เมื่อตรวจสอบครบตามจำนวนราย ชื่อหรือมีบางคนถอนตัวรถก็เ ริ่มเคลื่อนออก
ตามกำหนดเป้าหมายแรกคือคือ ไปกราบ พระธาตุเชิงชุม ที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหา ร ในเขตเทศบาลนครสกลนคร ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร สถานที่เป็นแหล่งธรรมะแห่งแ รก รถทัวร์แทนที่จะวิ่งไปในตัว เมืองกลับใช้ถนนเลียบเมือง ขณะรถวิ่ง เสียงไมค์ก็เริ่มดังขึ้น พิธีกร(หนุ่มกว่าลุงแอ๊ด)ดู หน้าตา แนะนำตัวทราบว่าเป็นเจ้าหน้ าที่ตำรวจจราจรของ สภ.เมืองสกลนคร มีโอกาสมาด้วยเนื่องจากสื่อ บางท่านถอนตัว(จริงๆมากะคนข ้างเคียงที่เป็นสื่อนั่นแหล ะ... 555..) อ่านรายชื่อเพื่อตรวจคณะสื่ อมวลชนและให้แนะนำตัวว่าเป็ นใครมาจากสำนักไหน
พอรถผ่านมาถึงถนนสายหนึ่งใน เขตตัวเมืองสกลนคร เป็นชื่อแปลกที่แตกต่างจากส ายอื่นๆ เพราะมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ชื่อ ถนน ITU ก็เลยมีการสอบถามถึงความเป็ นมาของถนนสายนี้ทำไมถึงมีชื ่อแบบนี้ เลยได้คำตอบจากหลายๆท่านว่า ถนนเส้นนี้ปลายทางคือที่ตั้ งของแคมป์ หรือ GI ที่พวกเรามักเรียนทหารอเมริ กันมาอยู่เมืองไทย
พอพูดถึงเรื่องชื่อถนนในตัว เมืองสกลนคร มักจะมีชื่อไพเราะคล้องจองก ัน เช่น มรรคาลัย ใจผาสุก สุขเกษม เปรมปรีดา รัฐพัฒนา เจริญเมือง เรืองสวัสดิ์ ฯ หาท่านผู้ใดอยากรู้มากกว่าน ี้ก็ไปศึกษาเอาเองก้อแล้วกั น...
รถทัวร์พาคณะอ้อมสู่ถนนริมห นองหาร ผ่านสระพังทอง วกเข้าสู่ประตูวัดด้านหลัง( ความจริงตามประเพณีโบราณประ ตูวัดมักจะอยู่ทางด้านทิศตะ วันออก จริงๆแล้วประตูวัดที่เรามัก เรียกว่าด้านหลังของวัดพระธ าตุเชิงชุม ก็คือประตูหน้าในสมัยก่อนนั ่นเอง) สื่อมวลชนยุคนี้ เมืองสกลนครเจริญขึ้นมา โดยเฉพาะทางด้านหน้าในปัจจุ บัน คนที่เข้าไปสู่วัดจึงใช้ประ ตูที่เราเรียกกันว่าด้านหน้ าในปัจจุบันมากกว่า
สำหรับวัดพระธาตุเชิงชุมวรว ิหาร นอกจากเป็นวัดพระอารมหลวงแล ้ว มีพระธาตุเชิงชุม พระธาตุองค์สำคัญยิ่งของชาว พุทธแล้ว ภายในวิหารยังเป็นที่ประดิษ ฐ์ของ หลวงพ่อพระองค์แสน พระพุทธรูปท เป็นที่นับถือของชาวสกลนครแ ละจังหวัดใกล้เคียง และที่บริเวณเดียวมีโบสถ์โบ ราณที่กรมศิลปขึ้นทะเบียนเป ็นโบราณสถานมรดกสำคัญไว้ และยังมีอุโบสถหลังใหม่ที่ส วยงามมีลักษณะคล้ายกับอุโบส ถวัดเบญจมบมิตร กรุงเทพมหานคร สวยงามเป็นอย่างยิ่ง
คณะใช้เวลาซึมซับกับแหล่งธร รมะพอสมควร เข้ากราบสักการะพระธาตุ กราบพระสงฆ์รดน้ำมนต์ผู้แขน และบูชาวัตถุมงคลประมาณ 1 ชั่วโมง จึงพากันขึ้นรถทัวร์เพื่อเด ินทางต่อไป...
ทั้งนี้ โครงการนี้เกิดขึ้นได้โดยกา
ก่อนหน้านี้ 2 – 3 วัน คณะสื่อของสกลนครต่างได้รับ
ทีแรกก็แปลกใจว่า จะเอาสำเนาบัตรประชาชนไปทำอ
หลังจากนั้นจึงนัดหมายว่าให
สักครู่ใหญ่ จึงมีเจ้าหน้าที่จากท่องเที
จากนั้น แต่ละคนก็สะพานเป้ หิ้วกระเป๋า ตามเจ้าหน้าที่ไป
เมื่อมาถึงทุกคนก็ยังมองหาร
สักครู่ใหญ่ รถทัวร์วิ่งเข้ามาจอด คณะพวกเราจึงขึ้นหาที่นั่งต
ตามกำหนดเป้าหมายแรกคือคือ ไปกราบ พระธาตุเชิงชุม ที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหา
พอรถผ่านมาถึงถนนสายหนึ่งใน
พอพูดถึงเรื่องชื่อถนนในตัว
รถทัวร์พาคณะอ้อมสู่ถนนริมห
สำหรับวัดพระธาตุเชิงชุมวรว
คณะใช้เวลาซึมซับกับแหล่งธร

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น